14.9.12

โรคลำไส้แปรปรวน

โรคลำไส้แปรปรวน 

ท้องอืด แน่นท้อง ปวดท้องเป็น ๆ หาย ๆ ขับถ่ายไม่เป็นปกติ เดี๋ยวก็ท้องผูก เดี๋ยวก็ท้องเสีย
เฮ้อ..! จะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานไหม?...

อาการข้างต้นเข้าข่ายโรคที่เรียกว่า " โรคลำไส้แปรปรวน " (Irritable Bowel Syndrome : IBS) เป็นโรคของลำไส้ ที่ทำงานผิดปกติ แต่พอตรวจดูกลับไม่พบความผิดปกติใด ๆ ที่ลำไส้ ไม่ว่าจะทำการส่องกล้องตรวจลำไส้ หรือตรวจเลือดผิดปกติ เป็นต้น

โรคนี้เป็นโรคที่พบบ่อยโรคหนึ่งในระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยโดยทั่วไปมักจะมีประวัติเป็นมานาน บางรายอาจมีอาการเป็นปี และมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เป็นโรคที่สร้างความรำคาญ และความทุกข์ทรมานให้แก่ผู้ป่วย ผู้ป่วยจะวิตกกังวลว่า ทำไมโรคไม่หายแม้ได้ยารักษา ทำให้มีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย รบกวนการดำเนินชีวิต และอาจทำให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ และพบว่าโรคลำไส้แปรปรวนมักเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ในอัตราส่วนเพศหญิงต่อเพศชายประมาณ 2 : 1

อาการ
ผู้ ป่วยที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวน มักจะมีอาการปวดท้อง อาจปวดตรงกลางหรือปวดบริเวณท้องน้อย โดยทั่วไปจะปวดท้องน้อยด้านซ้ายมากกว่าด้านขวา ลักษณะอาการปวดมักจะปวดแบบเกร็ง มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด อาการจะไม่สัมพันธ์กับอาหาร นอกจากนี้จะมีอาการท้องโตขึ้นเหมือนมีลมในท้อง อาจมีอาการเรอหรือผายลมมากขึ้น และมีอาการถ่ายไม่ปกติ บางรายมีอาการท้องผูก บางรายท้องเสีย หรือในบางรายอาจมีอาการท้องผูกสลับท้องเสียก็ได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีความรู้สึกเหมือนถ่ายไม่สุด หรือมีอาการปวดเบ่ง แต่เมื่อถ่ายอุจจาระแล้วอาการดีขึ้น มักมีอุจจาระเป็นมูกร่วมด้วยได้ อาการต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็น ๆ หาย ๆ มีอาการมากน้อยสลับกันได้ จะมีอาการเกิน 3 เดือน ในระยะเวลา 1 ปี

ปัจจุบันยังไม่พบสาเหตุที่แน่นอนของโรคลำไส้แปรปรวน แต่จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ มี 3 อย่างที่สำคัญได้แก่

  • "การบีบตัวของลำไส้ผิดปกติ" เป็นผลมาจากการหลั่งสารหรือฮอร์โมนที่ผิดปกติบางอย่างในผนังลำไส้ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องผูก หรือท้องเสียได้
  • "ระบบประสาทที่ผนังลำไส้ไวต่อสิ่งเร้าหรือตัวกระตุ้นมากผิดปกติ" ตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการได้แก่ อาหารเผ็ด กาแฟ แอลกอฮอล์ทุกชนิด ช็อกโกแลต เป็นต้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ได้แก่ ความเครียด ความวิตกกังวล เมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้นก็ทำให้ผนังลำไส้บีบตัวผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องผูก หรือท้องเสียได้
  • "ความผิดปกติในการควบคุมการทำงานของลำไส้" ระหว่างประสาทรับความรู้สึกที่ผนังลำไส้ ระบบกล้ามเนื้อของลำไส้และสมอง โดยเกิดจากความผิดปกติของสารที่ควบคุมการทำงานของลำไส้ ซึ่งมีอยู่หลายชนิด

ปัจจุบัน ยังไม่มียาชนิดใด ที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้มักจะมีอาการหลายอย่างร่วมกัน ยาที่ใช้มักจะทำให้อาการบางอย่างดีขึ้นเท่านั้น การรักษาด้วยยา แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาในการให้ยาที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย แต่การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยจะช่วยให้อาการของโรคนี้ดีขึ้นได้

ข้อควรปฏิบัติ
  • ควรรับประทานอาหารช้า ๆ และไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป
  • หลีก เลี่ยงอาหารที่มีไขมัน เนื่องจากไขมันจะเป็นตัวกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ หากผู้ป่วยมีอาการท้องผูกร่วมด้วย ควรเพิ่มการรับประทานอาหารที่มีใยอาหารให้มากขึ้น
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอและฝึกนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลา
  • หลีกเลี่ยงการดื่มนมในผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวนชนิดท้องเสีย
  • หลีก เลี่ยงอาหารที่อาจทำให้อาการของโรคเป็นมากขึ้น อาทิ กาแฟ อาหารหวานจัด ผลไม้รสเปรี้ยวบางชนิด อาหารรสเผ็ด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และน้ำอัดลม เป็นต้น
  • หากผู้ป่วยมีภาวะเครียดร่วมด้วย ควรหาทางผ่อนคลาย หาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาจจำเป็นต้องพบจิตแพทย์ สำหรับผู้ป่วยบางรายที่มีปัญหาทางจิตใจค่อนข้างมาก

ที่มา
โรงพยาบาลเวชธานี

0 comments:

Post a Comment