ต้อกระจก
อาการตามัวในผู้สูงอายุดู
จะเป็นเรื่องปกติธรรมดา จนหลาย ๆ คนไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งนี้เท่าใดนัก
เพราะคิดไปว่า “แก่แล้ว หูตาก็ฝ้าฟางเป็นเรื่องธรรมดา”
แต่ในความเป็นจริงแล้ว
วิทยาการทางการแพทย์ในปัจจุบันสามารถช่วยรักษาอาการตามัวในผู้สูงอายุส่วน
ใหญ่ได้ ดังนั้น อย่าได้นิ่งนอนใจ ถ้าคุณหรือญาติผู้ใหญ่ของคุณตามัวลง
ต้อกระจก (Cataract)
คือ ภาวะที่เลนส์แก้วตาขุ่น แสงจึงผ่านเลนส์เข้าไปยังจอประสาทตาได้น้อยลง
หรือบางครั้งการขุ่นนั้น จะก่อให้เกิดการหักเหแสงที่ผิดปกติไป โฟกัสผิดที่
ทำให้จอประสาทตารับแสงได้ไม่เต็มที่ ผู้ป่วยจึงตามัวลง
โดยไม่มีอาการอักเสบหรือเจ็บปวดใด ๆ ยิ่งเลนส์แก้วตาขุ่นขึ้น
การมองเห็นก็จะลดน้อยลงเรื่อย ๆ ทั้งนี้ ต้อกระจกเป็นสาเหตุ
ที่สำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุตามัวลง
อาการของต้อกระจก
ตามัวลงช้า ๆ เหมือนมีฝ้าหรือหมอกบัง โดยไม่มีอาการปวดตา
เห็นภาพซ้อน สายตาพร่า สู้แสงไม่ได้ เห็นดวงไฟแตกกระจายโดยเฉพาะในเวลากลางคืน
ใน
บางรายอาการระยะแรกของต้อกระจก คือ จะมีสายตาสั้นมากขึ้น ๆ
ทำให้ต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อย ๆ เมื่อต้อกระจกขุ่นมาก แว่นตาจะช่วยไม่ได้
และ
ถ้าปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่รักษาอาจจะเกิดอาการแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น
มีอาการปวดตาอย่างรุนแรง และตาแดงมาก
เนื่องจากโรคลุกลามกลายเป็นโรคต้อหินเฉียบพลัน และม่านตาอักเสบ
จนกระทั่งตาบอดได้ในที่สุด
วิธีการรักษาต้อกระจก
เมื่อ
ต้อกระจกเป็นมากจนทำให้สายตาขุ่นมัว การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นอัลตราซาวด์
หรือเทคนิค “เฟโค” (Phacoemulsification) พร้อมทั้งใส่เลนส์แก้วตาเทียม
เป็นวิธีการรักษาที่ช่วยให้สายตาของผู้ป่วยดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสลายต้อกระจกด้วยอัลตราซาวด์ เป็นเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัย
และได้ผลดีมาก ไม่จำเป็นต้องให้ยาสลบ นอกจากนี้
แผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาวิธีนี้ จะมีขนาดเล็กมากเพียง 3 ม.ม.
จึงสมานตัวได้เป็นปกติอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเย็บแผล
ผู้ป่วยจึงไม่จำเป็นต้องนอนพักในโรงพยาบาล
สามารถมองเห็นได้ชัดเจนอย่างรวดเร็ว
แต่ยังต้องเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลความสะอาด
และระวังไม่ให้มีอุบัติเหตุกระทบกระแทกต่อดวงตา
ข้อจำกัดของการสลายต้อกระจกด้วยอัลตราซาวด์
ใน
กรณีที่ต้อกระจกสุกมาก หรือแข็งตัวมาก
หรือในผู้ป่วยที่มีการเลื่อนหลุดของเลนส์แก้วตาจากเส้นใยที่ยึดเลนส์ที่เป็น
ต้อกระจกฉีกขาด ซึ่งพบได้ในรายที่ต้อกระจกสุกมากเกินไป
หรือมีโรคทางตาบางชนิด
หรือเคยได้รับอุบัติเหตุกระทบกระแทกบริเวณดวงตามาก่อน กรณีดังกล่าวข้างต้น
ไม่เหมาะสมสำหรับการสลายต้อกระจกด้วยอัลตราซาวด์
จักษุแพทย์อาจพิจารณาทำการรักษาต้อกระจก ด้วยวิธีดั้งเดิม
ซึ่งจะต้องเปิดแผลกว้างประมาณ 10 - 12 ม.ม. เพื่อนำตัวเลนส์แก้วตา
ที่เป็นต้อกระจกออก
แล้วจึงใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปในถุงของเยื่อหุ้มเลนส์เดิม หลังจากนั้น
จึงเย็บปิดแผลด้วยไหมเย็บชนิดบางเล็กพิเศษ
ทั้ง
นี้ การเลือกวิธีการรักษาต้อกระจกว่าสมควรใช้วิธีใดนั้น
จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของจักษุแพทย์ผู้ทำการรักษา
โดยที่แพทย์จะสามารถให้ข้อมูลแก่คุณได้
หลังจากทำการตรวจวินิจฉัยดวงตาของคุณโดยละเอียดแล้ว
ที่มา:
ศูนย์จักษุกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ
0 comments:
Post a Comment