17.7.12

ฝักบัว - ตัวแพร่เชื้อโรค


 
นอร์แมน เพซ นักจุลชีววิทยา มหาวิทยาลัยโคโลราโด สหรัฐ ระบุว่า หัวฝักบัวอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคก่อโรคปอดโดยไม่รู้ตัว


      เพซและทีมงานสุ่มตรวจวิเคราะห์หัวฝักบัว 50 หัว ทั้งฝักบัวในบ้าน ห้องน้ำสาธารณะ อพาร์ตเมนต์จากเมืองต่างๆ 9 เมือง พบว่า ร้อยละ 30 มีเชื้อ “มัยโคแบคทีเรียม เอเวียม” ปนเปื้อนอยู่มาก ตามปกติเชื้อตัวนี้พบในน้ำประปาทั่วไป แต่สะสมอยู่ในหัวฝักบัวมากกว่าระดับที่พบในน้ำประปา 100 เท่า
      “หากใบหน้าโดนน้ำโดยตรงใน ครั้งแรกที่เปิดฝักบัว อาจทำให้ได้รับเชื้อมัยโคแบคทีเรียม เอเวียม สูงมาก กระทั่งก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ” เพซ กล่าว และว่า จากการศึกษาชี้ด้วยว่าหัวฝักบัวชนิดโลหะสะสมเชื้อโรคน้อยกว่าชนิดพลาสติก
      การเผยแพร่ข้อมูลครั้งนี้ ไม่ต้องการสร้างความตื่นตระหนก หรือบอกให้ประชาชนเปลี่ยนการอาบน้ำด้วยฝักบัวไปอาบในอ่างน้ำ แต่ เสนอแนะว่าควรเปลี่ยนหัวฝักบัวไปเป็นชนิดโลหะที่มีตัวกรองช่วยลดการสะสมของ เชื้อโรค หรือเปิดฝักบัวทิ้งไว้ 1 นาทีแล้วออกไปนอกห้องน้ำก่อนกลับเข้ามาใหม่ ก็ช่วยลดโอกาสสูดเชื้อโรคเข้าปอดเช่นกัน

ฝักบัวเป็นตัวเพาะแบคทีเรีย และแพร่เชื้อโรคอันตรายเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

ทั้ง นี้ จากการสุ่มนำฝักบัว 50 อันจากสถานที่หลายแห่งใน 9 เมืองของสหรัฐมาตรวจศึกษา ทำให้พบเชื้อโรคที่จะก่อให้เกิด "โรคปอด" จากฝักบัวมากถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และแบคทีเรียที่ฝังติดอยู่ในฝักบัว มีปริมาณสูงกว่าแบคทีเรียในน้ำทั่วไปถึง 100 เท่า จากการศึกษาพบว่า หากคนเราเปิดฝักบัวและปล่อยให้น้ำรดหน้า และเนื้อตัวตั้งแต่ เริ่มอาบน้ำ นั่นหมายความว่า มีสิทธิที่จะมีแบคทีเรียจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย

การ ศึกษาของทีมแพทย์ชุดนี้ ที่นำโดยนาย นอร์แมน แพค นักจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยโคโลราโด มีขึ้นหลังจากนักวิจัยในโรงพยาบาล แห่งชาติยิวในเมืองเดนเวอร์ ของสหรัฐ ตรวจพบผู้ติดเชื้อในปอดจากกลุ่มผู้ที่ ใช้ฝักบัวอาบน้ำมากกว่ากลุ่มตักน้ำในถังอาบ โดย ผู้ติดเชื้อโรคจะมีอาการเหนื่อยง่าย ไอแห้ง หายใจเร็ว อ่อนเพลีย และรู้สึกไม่สบายบ่อย การศึกษายังพบด้วยว่า "ฝักบัวพลาสติค" ทำให้ติดเชื้อโรคง่ายกว่าฝักบัว ที่ทำจากโลหะ


             หัวฝักบัวอาจเป็นแหล่งกบดานของเชื้อโรคโดยที่เราไม่รู้ตัว เอเจนซี - อาบน้ำแทนที่จะทำให้เนื้อตัวสะอาด งานวิจัยจากอเมริกากลับชี้ว่าหัวฝักบัวสามารถสะสมเชื้อโรค และทำให้คนอาบป่วย ขณะเดียวกัน รายงานจากสก็อตแลนด์ย้ำเหงื่อเป็นสารสื่อรักตามธรรมชาติ และยาเสน่ห์นี้อาจมีฤทธิ์อ่อนลงจากการอาบน้ำ การวิเคราะห์หัวฝักบัว 50 ชุดจาก 9 เมืองในสหรัฐฯ พบว่า 30% เป็นที่อาศัยของเชื้อ Mycobacterium avium จำนวนมาก ไมโคแบคทีเรียม เอเวียมคือกลุ่มแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในปอดเมื่อคนสูดดมหรือกลืน เข้าไป และมีความเชื่อมโยงกับโรคปอด ทำให้เกิดอาการ อาทิ ไอเรื้อรัง หายใจขัด เหนื่อย โดยมักแพร่เชื้อกับคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดพบเชื้อไมโคแบคทีเรียม เอเวียมในหัวฝักบัวมากกว่าที่พบในเครื่องใช้ภายในบ้านอื่นๆ

ถึงร้อยเท่า นอร์แมน เพซ ผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ กล่าวว่าการวิจัยจากโรงพยาบาลเนชันแนล ยิววิชในเดนเวอร์ พบว่าการติดเชื้อในปอดที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ทศวรรษนี้จากเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ไมโคแบคทีเรียอย่างไมโค แบคทีเรียม เอเวียม อาจเกี่ยวพันกับการที่คนใช้ฝักบัวกันมากขึ้น เพซเสริมว่า น้ำที่ฉีดออกมาจากหัวฝักบัวอาจแพร่กระจายละอองของเหลวที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค ที่สามารถลอยอยู่ในอากาศ และถูกสูดดมเข้าสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของปอด ปัญหามาจากการที่ภายในหัวฝักบัวเป็นที่พักพิงอย่างดีสำหรับแบคทีเรีย เพราะมีทั้งความชื้น ความอุ่นและความมืด อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยืนยันว่าการอาบน้ำฝักบัวยังปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ และแนะนำให้ผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากยาจำกัดภูมิคุ้มกัน หรือจากยาบำบัดเอชไอวี

0 comments:

Post a Comment