17.7.12

ดูแลผิว ช่วงหน้าฝน

ดูแลผิว ช่วงหน้าฝน

เตือนภัยผิวที่แฝงมากับช่วงฤดูฝน ที่ส่งผลต่อผิวหนังของเรา

ด้วยสภาพ อากาศที่ฝนตกชุกในช่วงนี้ ภาวะที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เมื่อฝนตก คือ มักเจอกับอากาศที่อับชื้น ทำให้บางครั้งอาจเกิดผื่นแปลก ๆ ขึ้นบนผิวหนังได้ ปัญหาที่พบได้เสมอในช่วงหน้าฝน มักมีสาเหตุมาจากเชื้อรา เนื่องจากลักษณะเฉพาะของเชื้อโรคกลุ่มนี้ ที่เจริญเติบโตได้ดีในภาวะที่ชื้น แฉะ ผื่นจากเชื้อรา มีได้หลากหลายรูปแบบ เรามาดูผื่นที่พบได้บ่อย ๆ กันดีกว่า

วงด่าง ๆ สีขาว หรือสีเนื้อ ในบางคนอาจขึ้นเป็นวงสีน้ำตาล ร่วมกับมีขุยสีขาวเล็ก ๆ มักเกิดขึ้นบนผิวหนัง บริเวณหน้าอกและลำตัว อาจมีอาการคันร่วมด้วยได้ นอกจากดูไม่สวยงามแล้ว ยังทำให้เสียบุคลิก ผื่นชนิดนี้ เป็นลักษณะของโรคเกลื้อน ซึ่งพบได้บ่อยในเด็กและวัยรุ่น ที่สุขอนามัยไม่ค่อยดี ไม่ชอบอาบน้ำ เชื้อเกลื้อนเป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Malassezia furfur สามารถ พบได้บนผิวหนังของคนทั่วไป แต่ปกติแล้วไม่ก่อโรค ยกเว้นในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น คนที่ออกกำลังกาย เหงื่อออก หรือตากฝน แล้วไม่ยอมอาบน้ำ ร่างกายชื้นแฉะอยู่เป็นเวลานาน ทำให้เชื้อเพิ่มจำนวนจนทำให้เกิดผื่นลักษณะดังกล่าวขึ้น

ในคนที่ น้ำหนักมาก หรือภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี เช่น ผู้ที่เป็นเบาหวาน อาจเกิดผื่นสีแดงขึ้นตามบริเวณข้อพับ เช่น รักแร้ ขาหนีบ หรือใต้ราวนม ร่วมกับมีอาการคันมาก สาเหตุเกิดจากการติด เชื้อยีสต์ในกลุ่มแคนดิดา (Candida) สามารถรักษาให้หายได้ โดยการทายาฆ่าเชื้อราทั่วไป แต่มักเป็นซ้ำได้บ่อย เพราะยีสต์ชนิดนี้พบได้ในร่างกายของคนเรา เช่น บริเวณช่องปาก ระบบทางเดินอาหาร และช่องคลอด

ช่วงที่ฝนตกมาก ๆ บางพื้นที่อาจมีน้ำท่วมขัง หรือเวลาฝนตกนานเป็นชั่วโมง ทำให้ต้องเดินย่ำน้ำ ชื้นแฉะ เป็นเวลานานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากยังไม่รีบทำความสะอาดเท้า ผ่านไปสักระยะหนึ่งอาจพบว่าผิวตามซอกนิ้วเท้าลอกเป็นขุยขาว ๆ หรือเปียกยุ่ย หรืออาจถึงขั้นเป็นแผล มีน้ำเหลืองแฉะที่ผิว เรียกว่า "โรคน้ำกัดเท้า" หรือ "เชื้อราที่เท้า" เกิดจากเชื้อกลากซึ่งอยู่ตามสิ่งแวดล้อม เช่น หิน ดิน ทราย รวมทั้งในสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว ผื่นที่เท้าอาจจะลามไปที่ลำตัวส่วนอื่นได้ ที่พบบ่อยคือทำให้เกิดผื่นบริเวณขาหนีบ เรียกว่า "สังคัง"

เวลาถอดรองเท้า บางคนอาจมีกลิ่นเหม็นโชยออกมา เมื่อก้มดูที่ฝ่าเท้า จะเห็นเป็นรูพรุนเล็ก ๆ หรือเป็นแอ่งเว้าแหว่งตื้น ๆ เรียกว่า "โรคเท้าเหม็น" สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง มักพบในผู้ชายที่ใส่ถุงเท้า ที่ทำจากใยสังเคราะห์หนา ๆ ซึ่งมักจะแห้งยากในหน้าฝน

นอก จากนี้ ในน้ำที่ขังตามพื้นถนน อาจมีพยาธิบางชนิด เช่น พยาธิปากขอ ซึ่งสามารถชอนไชเข้าสู่ผิวหนังได้โดยตรง ทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้ หรือ ถ้าโชคไม่ดี ได้รับเชื้อที่ทำให้เกิด "โรคฉี่หนู" เข้าไปตามรอยแผลเล็ก ๆ ที่เท้า อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้


โดยสรุปแล้ว ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่าสาเหตุของโรคส่วนใหญ่มาจาก "การย่ำน้ำสกปรก" หรือ "ปล่อยให้ผิวหนังอับชื้นอยู่เป็นระยะเวลานาน" ทำให้เชื้อซึ่งพบได้ตามสิ่งแวดล้อมทั่วไป เพิ่มจำนวนขึ้นจนก่อให้เกิดโรค ดังนั้นการป้องกันอันดับแรก คือ หลีกเลี่ยงการเหยียบย่ำน้ำ หรือตากฝน ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกลับถึงที่พัก ควรรีบถอดเสื้อผ้า แล้วอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย โดยใช้สบู่หรือสารทำความสะอาดทั่วไป ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อชนิดพิเศษแต่อย่างใด เพราะอาจแรงเกินไป เสร็จแล้วใช้ผ้าซับ หรือใช้พัดลมเป่าให้แห้ง การโรยแป้งฝุ่นสามารถช่วยลดความชื้น และการเสียดสีได้ เสื้อผ้า และถุงเท้าที่ใช้ ควรทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้ายที่ไม่หนาจนเกินไป เพื่อให้ระบายอากาศได้ดี หน้าฝนผ้ายีนส์จะแห้งยากทำให้เกิดความอับชื้นได้ง่าย จึงควรระวังเป็นพิเศษ นอกจากนี้แล้วการใส่รองเท้าแตะบ้าง ก็ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อราที่เท้าได้ เช่นกัน


ที่มา
นพ.ชัยประสิทธิ์ บาลมงคล - ศูนย์ผิวหนัง เลเซอร์และความงาม โรงพยาบาลเวชธานี




   สิวมักมากับช่วงหน้าร้อน และต่อหน้าฝน เนื่องจากอากาศที่ร้อนผสมความชื้น เหงื่อ และไขมันบริเวณรูขุมขนจะเกิดมากกว่าช่วงหน้าหนาว การหมักหมมของเชื้อโรค ฝุ่นละออง จะ ทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เลยทำให้เกิดสิวอักเสบง่ายขึ้น ดังนั้นช่วงหน้าฝนนี้เราจึงต้องหมั่นดูแลรักษาผิวและทาครีมป้องกันสิวเพื่อ ให้ผิวพรรณสะอาดปราศจากสิวและโรคผิวหนังด้วย บริษัท เฮลท์คอร์ จำกัด บริษัทผู้ผลิตนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Provamed Acniclear แนะนำหลักในการดูแลผิวอย่างถูกวิธีและป้องกันการเกิดสิวที่ต้นเหตุง่ายๆ ด้วย4 ขั้นตอน ดังนี้ 1.ล้างหน้าให้สะอาด เนื่องจากผิวหน้าจะเจอทั้งอากาศที่ร้อนผสมความชื้น ทำให้เหงือและไขมันสะสมอยู่มากกว่าปกติ จึงควรล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าที่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก และผสมด้วยสารที่เร่งการยุบตัวของสิว(Acc และ Beta Glucan เป็นสารที่ลดอาการอักเสบ เร่งการการยุบตัวของสิว ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวที่เป็นหนอง) ฟื้นฟูผิวให้เนียนเรียบด้วย และบำรุงด้วยครีมล้างหน้าที่ผสมวิตามิน E 2.เช็ดทำความสะอาดหน้าอีกทีด้วยโทนเนอร์ที่อ่อนโยน เพื่อขจัดสิ่งตกค้างที่เป็นสาเหตุของสิวอุดตัน กระชับรูขุมขน และเป็นการปรับผิวหน้าหน้าก่อนการบำรุงในขั้นตอนต่อไปอีกด้วย 3. ใช้เจลแต้มสิว สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวจะช่วยลดอาการอักเสบของผิวและผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เร่งให้สิวยุบตัวไม่ทิ้งรอยแผลเป็นบนใบหน้า โดยเลือกเจลแต้มสิวที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid, Pionin Acid ,NAB willowbark 4.ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่กระชับรูขุมขน ควบคุมความมัน และบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่น และหากผสมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ อาทิ Calendula, Chamomile, Linden, Cornflower, และ Hypericum Extract ซึ่งสารเหล่านี้จะอุดมไปด้วยวิตามินอี ที่เป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วย บำรุงผิว คืนความนุ่มชุ่มชื่นให้ใบหน้า และ วิตามินซี สุดยอดแห่งวิตามิน ที่ช่วยให้ ใบหน้าขาว กระจ่างใสและคืนความยืดหยุ่นให้กับเซลล์ผิว ขอบคุณข้อมูลดีๆจากบริษัท เฮลท์คอร์ จำกัด บริษัทผู้ผลิตนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Provamed Acniclear พิสูจน์ผิวขาวกระจ่างใส ได้ด้วยตัวคุณเองที่ วัตสัน เพรียว และร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ โทร 0-2274-4333 และ www.provamed.co.th

0 comments:

Post a Comment